จงเขียนฟังก์ชั่นที่รับค่าตัวเลขจำนวนเต็มเข้าไปแล้ว ส่งค่าจำนวนของเลข 1 ที่เกิดจากการแปลงเลขนั้นเป็น binary
Examples
countOnes(0) ➞ 0
countOnes(100) ➞ 3
countOnes(999) ➞ 8
จงเขียนฟังก์ชั่นที่รับค่าตัวเลขจำนวนเต็มเข้าไปแล้ว ส่งค่าจำนวนของเลข 1 ที่เกิดจากการแปลงเลขนั้นเป็น binary
Examples
countOnes(0) ➞ 0
countOnes(100) ➞ 3
countOnes(999) ➞ 8
จงเขียนฟังก์ชั่นที่ รับค่า array ของจำนวนเต็มเข้าไป แล้ว ส่งค่า true ออกมา หากสมาชิกในตำแหน่งเลขคู่มีค่าเป็นเลขคู่ และตำแหน่งเลขคี่มีค่าเป็นเลขคี่ (ตำแหน่งเริ่มที่ 0)
Examples
isSpecialArray([2, 7, 4, 9, 6, 1, 6, 3]) ➞ true // Even indices: [2, 4, 6, 6]; Odd indices: [7, 9, 1, 3]
isSpecialArray([2, 7, 9, 1, 6, 1, 6, 3]) ➞ false
จงเขียนฟังก์ชั่นที่รับ string เข้าไปแล้ว ให้ส่ง array ที่แสดงจำนวนของ “#” และ “+” ใน string ในออกมา
Examples
hashPlusCount(“###+”) ➞ [3,1]
hashPlusCount (“#+++#+#++#”) ➞ [4,6]
จงเขียนฟังก์ชั่นที่รับค่า string และตัวเลข (1 หรือ 0) แล้วส่ง “hello “+string ออกมาหากตัวเลขเป็น 1 นอกเหนือจากนั้นให้ส่ง “bye “+string
Examples
sayhellobye(“jack”,1) ➞ “hello jack”
sayhellobye(“rose”,0) ➞ “bye rose”
จงเขียนฟังก์ชั่นเพื่อตรวจสอบว่า จากค่าจำนวนเต็ม 2 หลักที่ใส่เข้าไป หากทำการสลับตำแหน่งตัวเลขแล้ว ให้ค่าน้อยกว่าเดิมให้ส่งค่า true ออกมา นอกจากนั้นให้ส่ง false ออกมา
Examples
largestSwap(14) ➞ false
largestSwap(27) ➞ false
largestSwap(43) ➞ true