จงเขียนฟังก์ชั่นที่รับค่า array ของจำนวนเต็มไป แล้วส่งค่าจากการลบค่าต่ำสุดและสูงสุดออกไป แล้วนำจำนวนที่เหลือมาคำนวณค่าเฉลี่ยออกมา
Examples
trimmedAverages([4, 5, 7, 100]) ➞ 6 // Average of 5 and 7
trimmedAverages([10, 25, 5, 15, 20]) ➞ 15 // Average of 10, 15 and 20
trimmedAverages([1, 1, 1]) ➞ 1 // 1
trimmedAverages([5, 4, 54, 4, 6, 46, 56]) ➞ 23
จงเขียนฟังกชั่น isPrefix(word, -prefix) และ isSuffix(word,-suffix) โดยในฟังก์ชั่น isPrefix จะต้องส่งค่า true ออกมาหาก word นั้นขึ้นต้นด้วย prefix นอกนั้นเป็น false และสำหรับฟังก์ชั่น isSuffix จะต้องส่งค่า true ออกมาหาก word นั้นลงท้ายด้วย suffix นอกนั้นเป็น false
Examples
isPrefix(” automation”,”auto-“) ➞ true
isSuffix(“arachnophobia”,”-phobia”) ➞ true
isPrefix(“retrospect”,”sub-“) ➞ false
จงเขียนฟังก์ชั่นที่รับค่า arr1 และ arr2 เข้าไป แล้วส่งค่า true ออกมา หาก arr1 นั้นอยู่ใน arr2 (สมาชิกที่น้อยที่สุดของ arr1 มากกว่า สมาชิกที่น้อยที่สุดของ arr2 และสมาชิกที่มากที่สุดของ arr1 น้อยกว่า สมาชิกที่มากที่สุดของ arr2) นอกนั้นให้ส่ง false ออกมา
Examples
canNest([1, 2, 3, 4], [0, 6]) ➞ true
canNest([3, 1], [4, 0]) ➞ true
canNest([9, 9, 8], [8, 9]) ➞ false
canNest([1, 2, 3, 4], [2, 3]) ➞ false
จงเขียนฟังก์ชั่นที่รับค่า array ของจำนวนเต็มเข้าไป แล้วส่ง array ใหม่ออกมา โดยที่สมาชิกแต่ละตัวเกิดจากผลรวมของสมาชิกตัวก่อนหน้าบวกกับตัวนั้น
Examples
cumulativeSum([1, 2, 3]) ➞ [1, 3, 6]
cumulativeSum([1, -2, 3]) ➞ [1, -1, 2]
cumulativeSum([3, 3, -2, 408, 3, 3]) ➞ [3, 6, 4, 412, 415, 418]
จงเขียนฟังก์ชั่นที่รับค่า x กับ ผลลัพธ์เข้าไป แล้วให้หาว่า เลข x นั้นตอนยกกำลังเท่าไหร่ถึงจะได้ผลลัพธ์ตามที่ส่งเข้าไป
Examples
solveForExp(4, 1024) ➞ 5
solveForExp(2, 1024) ➞ 10
solveForExp(9, 3486784401) ➞ 10